เทรนด์มากมายบนโลกออนไลน์ต่างเกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ วัน แน่นอนว่าใครที่ตามเทรนด์ไม่ทันจะทำให้ถูกมองว่าเป็นคนล้าหลัง คนตกข่าว สิ่งนี้ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องเปิดข่าว รวมทั้งเปิดหาเทรนด์ปัจจุบันในแต่ละวันเพื่อให้ตัวเองไม่ตกข่าว ไม่ตกเทรนด์ โดยการทำความเข้าใจกับ FOMO นั้นมันจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับการทำการตลาดได้เป็นอย่างดี บทความนี้จะมาบอกให้ผู้อ่านได้รู้ว่า FOMO Marketing คืออะไร และน่าทำแค่ไหนในยุคนี้ (อ่านเพิ่มเติม > ขายแบบ Social Commerce เพิ่มโอกาสการขายให้แบรนด์โตแบบยั่งยืน)

FOMO คืออะไร?

อกหักเรื่องเล็ก ตกเทรนด์เรื่องใหญ่! FOMO Marketing คืออะไร ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ต้องตาม

       Fear of missing out หรือ FOMO เป็นอาการของการกลัวการตกเทรนด์หากไม่ได้สิ่งเหล่านั้นมาก็จะรู้สึกนอยด์ๆ หรือรู้สึกผิดหวังที่ปล่อยให้โอกาสเหล่านั้นหลุดลอยไปในอากาศ และเป็นกันอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มคน Gen Y กับ Gen Z เป็นคำนิยามพฤติกรรมของคนที่วิตกกังวลว่าตนเองจะพลาด หรือตกเทรนด์อะไรบางอย่าง รวมถึงการพลาดโอกาสต่างๆ ทำให้ต้องติดมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมแบบ FOMO ไม่ใช่เรื่องแปลกและเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนยุคนี้ที่โตมาในยุคสมัยที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ไว

       การทำการตลาดเพื่อคนเหล่านี้แบบเฉพาะเจาะจง จึงเป็นสิ่งที่ทุกบริษัทต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้ากระแสติดแล้วจะสามารถกระจายเป็นไวรัลขนาดใหญ่ได้ง่ายมากๆ ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่การใช้โฆษณาในรูปแบบ รูปภาพ เพลง วิดีโอ หรือแม้กระทั่งมีม (Meme) ที่โดนใจคนบนโลกออนไลน์ซึ่งอาจมีความตลกมาแทรกด้วย พร้อมชี้นำให้คนเหล่านั้นให้หันเข้าหาสินค้าและบริการของเรา 

       FOMO (Fear of missing out) ทำให้คนจำนวนมากได้เห็นกระแสต่างๆ มากมายภายใต้การทำการตลาดที่ทำให้รู้สึกว่า “พลาดไม่ได้” ทั้งการออกสินค้าใหม่ของแบรนด์ใหญ่ที่ การลดราคารายเดือน นับเป็นการสร้างให้เกิดความกลัวว่าจะไม่มีจนทำให้เกิดการกระทำ นั่นก็คือการหาซื้อสินค้านั้นมาให้ได้นั่นเอง ผ่านการสื่อสารด้วยการเขียนคอนเทนต์และข้อความต่างๆ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งโปรโมชันหรือส่วนลด ซึ่งแน่นอนครับว่าอาการ Fear of Missing Out นั้นเมื่อถูกนำมาใช้กับการตลาดมันสามารถรับรองการสร้างยอดขายได้อย่างดีอีกวิธีหนึ่ง

เทคนิคการทำ FOMO Marketing

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

       การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนย่อมดีกว่าการไม่กำหนดอะไรเลย แม้ว่าพฤติกรรมของกลุ่ม FOMO จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่การเจาะตลาดของคนเหล่านี้ได้นั้น ควรจะมีการแบ่งกลุ่มเป้าหมายย่อยแยกออกมาด้วย 

       เช่น ความสนใจ อายุ เพื่อให้คอนเทนต์ สินค้าและบริการที่สร้างขึ้นมาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้ายิ่งกำหนดความชัดเจนได้มากเท่าไหร่ การโฆษณารวมถึงการสร้างแคมเปญก็จะเจาะจงเฉพาะกลุ่ม เพิ่มโอกาสในการทำการขายสินค้าได้เท่านั้น 

2. มีการสร้างหรืออิงเทรนด์ต่างๆ อยู่เสมอ

อกหักเรื่องเล็ก ตกเทรนด์เรื่องใหญ่! FOMO Marketing คืออะไร ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ต้องตาม

       FOMO จะเกี่ยวกับกระแสในโลกอินเทอร์เน็ต ทั้งที่เป็นการสร้างกระแสเองหรือการอิงกระแสสังคม ดังนั้นคนที่ต้องการทำการตลาดแบบนี้ หลังจากศึกษากลุ่มเป้าหมายแล้วอาจต้องทดลองทำหรืออิงกระแสเป็นช่วงๆ เช่น

  • กระแสลดราคาในวันพิเศษ เช่น 9.9, 10.10 ที่ทำให้ร้านค้าออนไลน์ปรับเปลี่ยนมาทำแคมเปญลดราคาพร้อมกันในทุกๆ เดือน
  • อิงตาม Meme ที่เป็นรูปและข้อความที่น่าสนใจ อาจมีเรื่องความตลกแทรกเข้ามาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ผ่อนคลาย ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อให้การโฆษณาไปได้ไวขึ้น

3. มีช่องทางที่เหมาะสมสำหรับการทำการตลาด

       การเจาะกลุ่ม FOMO สามารถทำได้มีประสิทธิภาพที่สุดบนโลกออนไลน์ แต่ก็ต้องเลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสมด้วย เช่น 

  • การใช้เว็บไซต์เพื่อให้ลูกค้าสามารถจดจำและกลับมาซื้อในระยะยาวได้
  • ใช้ Social Media ให้เป็นประโยชน์ 

 

  1. Twitter กับ Facebook เน้นความไว ตามกระแสแฮชแท็ก
  2. Tiktok เน้นใช้เทรนด์วิดีโอสั้นให้เป็นประโยชน์
  3. Youtube เน้นรูปแบบวิดีโอที่ค่อนข้างยาว

4. ใช้เทคนิคด้าน “จำนวน” ของสิ่งต่างๆ เพื่อความน่าสนใจ

       การที่มีจำนวนคนกดไลค์ กดแชร์ หรือการที่มีคนรีทวิตเพิ่มมากยิ่งขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่น่าสนใจและดีต่อธุรกิจ ยิ่งคนรู้สึกว่าสิ่งนั้นพลาด การตลาดของการ “กลัวพลาด” หรือ FOMO Marketing ก็ยิ่งมีผลเท่านั้น (อ่านเพิ่มเติม > 7 พาร์ทเนอร์ลับ!! ตัวช่วยธุรกิจออนไลน์ขายง่ายยอดขายพุ่ง)

5. บอกว่าคนอื่นๆ เค้าก็ใช้กัน

อกหักเรื่องเล็ก ตกเทรนด์เรื่องใหญ่! FOMO Marketing คืออะไร ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ต้องตาม

       สมองคนเรามักจะถูกกระตุ้นด้วยเรื่องราวแวดล้อมรอบตัวอยู่เสมอ เสียงตอบรับหรือรีวิวจากลูกค้า จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด ด้วยการนำเอารายชื่อลูกค้าหรือจำนวนคนที่ใช้บริการของคุณมาช่วยในการตลาด ก็เปรียบเสมือนกับคุณกำลังถูกกระตุ้นให้ต้องมีต้องหามาใช้ 

       แต่ต้องนำไปใช้ในเวลาที่เหมาะสม เพราะลูกค้าค่อนข้างพร้อมที่จะตัดสินใจซื้อ ในสถานการณ์ที่มีการแย่งกัน ซื้อสินค้าหรือของกำลังจะหมด สถานการณ์เหล่านี้มีนัยว่ามีบางสิ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคนอื่นๆ ถ้าไม่เลือกรีบซื้ออาจพลาดสิ่งดีๆ ไปก็ได้ สิ่งนี้สามารถกระตุ้น FOMO ได้ดีทีเดียว

6. ใช้เงื่อนไขเรื่องเวลา กำหนดเวลาแบบหมดอายุ

       ไม่มีวิธีใดที่ได้ผลเท่าการจำกัดเวลา เนื่องจากเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน และแน่นอนว่าการกระตุ้นให้คนรีบซื้อสินค้าที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งนั่นก็คือ “การตั้งระยะเวลาหรือขีดเส้นตายให้กับการซื้อสินค้า” ถ้าไม่มาซื้อในช่วงเวลานี้สินค้าอาจหมดแล้วหมดเลย ดีลนี้เป็นดีลพิเศษเฉพาะช่วงนี้เท่านั้นถ้าพลาดแล้วอาจต้องรออีกนานหรืออาจไม่มีอีกเลย จะทำในแบบ Pop-up, Banner บนเว็บไซต์ หรือโพสต์ลงบน Social Media ต่างๆ ก็ได้ผลดีเช่นกัน 

       โดยห้ามยืดหรือต่อระยะเวลาเด็ดขาดเพราะลูกค้าจะคิดว่าเป็นการหลอกลวง อาจส่งผลต่อชื่อเสียงของแบรนด์ได้ เช่น รับส่วนลด 15% หากสั่งซื้อภายใน 24 ชั่วโมง หรือจัดส่งฟรีในเดือนนี้เท่านั้น

       เนื่องจากเทรนด์เป็นสิ่งที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ ไม่ว่าจะบริษัทไหนๆ ก็สามารถทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่เป็น FOMO ได้ แต่จะดียิ่งกว่าหากเป็นการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ การทำความรู้จักพฤติกรรม Fear of missing out (FOMO) ไม่ใช่แค่เพื่อการทำการตลาดอิงเทรนด์ไปเรื่อยๆ เท่านั้น แต่เป็นการเปิดโอกาสในการทำการตลาดด้วยการศึกษากลุ่มเป้าหมายได้อย่างมาก และวางแผนการตลาดให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นระบบอีกด้วย

       หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการบทความนี้ในการดำเนินธุรกิจไม่มากก็น้อย นอกจากความรู้เรื่อง Fear of missing out (FOMO) นี้แล้วก็ยังมีเทคนิคอีกมากมายที่น่าทำในยุคปัจจุบันซึ่งทาง Boxme ก็ยังมีเทคนิคและเคล็ดลับดีๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถขายของออนไลน์ได้ดี โดยสามารถติดตามได้ที่บทความต่อไปของ Boxme ได้เลย

       สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนที่กำลังมองหาตัวช่วยจัดการ ธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์ของท่าน คลังสินค้า Boxme Thailand ให้บริการทั้งการจัดเก็บสินค้า พร้อมแพ็คและจัดส่ง ให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณง่ายในการจัดการมากขึ้น และกรณีที่ท่านจัดการเองไม่ไหว ไม่มีเวลามากพอในการทำ และต้องการระบบในการช่วยจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งทางเรามีระบบที่ช่วยบริหารร้านค้าออนไลน์ รวมทั้งระบบจัดการช่องทางการขายช่วยซัพพอร์ต สามารถปรึกษาทางเราได้จากช่องทางการติดต่อข้างล่างได้เลยครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก > Adsignstudio

 

 

สนใจระบบเชื่อมต่อคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางในหน้าเดียว

ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *