เช็ค 4 สัญญาณ! บริหารร้านแบบ ‘งานล้นมือ’ บ่งบอกอะไรบ้าง? |Outsource| Last Mile ASEAN 2020

Share on:

เช็ค 4 สัญญาณ บริหารร้านแบบงานล้นมือ บ่งบอกอะไรบ้าง?

ภายในงาน Last Mile ASEAN 2020 ที่ผ่านมา มีหัวข้อสัมนามากมายที่เป็นประโยชน์สำหรับทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่และ SME รายย่อย

วันนี้ขอสรุปเนื้อหาสำหรับผู้ประกอบการ E-commerce ที่ Boxme มีโอกาสได้ขึ้นพูดคุยบนเวทีในงานเกี่ยวกับข้อสังเกตุว่าร้าน E-commerce ตอนนี้ถึงจุดที่สมควรต้อง outsource แล้วหรือยัง

มีปัญหาหลายอย่างที่สามารถเป็นข้อสังเกตได้ ว่าหากธุรกิจใดมีปัญหาเหล่านี้ อาจเป็นสัญญาณที่บอกเป็นนัย ๆ ว่าธุรกิจอยู่ในจุดที่เติบโตขึ้นมากแต่การบริหารจัดการธุรกิจด้วยตัวเจ้าของคนเดียว อาจไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป

  1. ถ้าวันใดที่มองเห็นแล้วว่า ตอนเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ volume ไม่เยอะ แต่ได้กำไรสูง แต่เมื่อทำไมธุรกิจยิ่งโต แต่เปอร์เซ็นต์กำไรกลับลดลง อันนี้คือจุดที่ควรต้องมาคิดแล้วว่าการจัดการภายในมีปัญหาอะไรรึเปล่า แล้วควรที่จะหาคนข้างนอกเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพรึเปล่า
  2. เวลาคือข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่า ทำไมชีวิตขายของออนไลน์มันช่างยุ่งยากเหลือเกิน แทบไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย
    ถ้าลองถามมหาเศรษฐีว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เขาจะตอบ ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ความร่ำรวย แต่คือ ‘เวลา’ อะไรที่สามารถใช้เงินซื้อได้ และทำให้มีประสิทธิภาพ คนเหล่านี้จะไม่ลังเลเลย เพราะเขาคิดว่าเวลาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้ามีเวลาเยอะก็หมายความว่ามีโอกาสมากกว่า หากสามารถลดกระบวนการที่ไม่เกิดกำไรได้ ก็จะสามารถเอาเวลาไปปรับปรุงการขายและการตลาดได้มากกว่า ซึ่งปัจจุบันนี้ การทำ sale และ marketing ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย… Facebook ก็มีการปรับอัลกอริทึ่มทุกวัน การยิงแอดก็ไม่ได้ง่ายเหมือนก่อน ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถใช้เวลาเรียนรู้ได้อีกเยอะ
  3. เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าต้นทุนของเรามันสูงขึ้น ทั้งที่การจัดส่งเรามากขึ้น ต้นทุนจัดส่งควรจะถูกลง ก็ควรต้องพิจารณาแล้วว่า การ outsource จะเป็นทางที่ดีกว่ารึเปล่าในเรื่องความเชี่ยวชาญและลดต้นทุนจากความผิดพลาด และ economies of scale
  4. เรื่องการจัดการ space คือปัญหาที่คนขายออนไลน์ต้องเคยเจอ จากบ้านที่เคยเป็นบ้าน ยิ่งธุรกิจโตขึ้นพื้นที่พักผ่อนในบ้านยิ่งลดลง มีสินค้า มีกล่องเข้ามาแทนที่ การที่เราไม่สามารถแยกพื้นที่ทำงานกับพื้นที่พักผ่อนได้ หมายความว่าคุณภาพชีวิตของเราเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นถ้าธุรกิจโตขึ้นถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็ควรพิจารณาการขยายพื้นที่ให้เหมาะสมและสามารถรองรับการเติบโตในอนาคตด้วย

แล้วการ outsource จาก 3PL (Third Party Logistics) นี้จะสามารถช่วยธุรกิจ E-commerce อย่างไรได้บ้าง

  1. สิ่งที่จะได้แน่นอนจากการ outsource คือความเชี่ยวชาญจากทีมมีประสบการณ์ที่ทำสิ่งนั้นอยู่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะสามารถลดอัตราการ return และความผิดพลาดในกระบวนการได้
  2. อีกอย่างหนึ่งคือความ Flexible ที่นอกจากความยืดหยุ่นในกระบวนการแล้ว ยังรวมถึงความยืดหยุ่นด้านต้นทุนด้วย คือการใช้ outsource จะทำให้เราควบคุมรายจ่ายได้เท่ากับที่ใช้ ใช้มากจ่ายมาก ใช้น้อยจ่ายน้อย ไม่ได้มี fix cost อย่างค่าจ้างพนักงานหรือค่าเช่าตึกเก็บของเหมือนที่ทำด้วยตัวเองทั้งหมด
  3. แน่นอนว่าถ้าธุรกิจมีการใช้บริการ outsource สิ่งที่จะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุดคือเวลาที่มีเพิ่มขึ้น เราสามารถใช้เวลานี้ในการพิ่มโอกาสทางการขาย คิดกลยุทธ์ทางการตลาด และให้ความสำคัญกับ customer relationship เพื่อสร้าง royalty ได้มากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม การจะเลือก outsource เจ้าไหนก็ตาม ควรคำนึงถึงความสามารถของ outsource นั้นที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ เช่น ถ้าร้านค้าที่มีออเดอร์จัดส่งเยอะและต้องการจัดส่งทุกวัน เพราะฉะนั้นตัวเลือก outsource ก็ควรเป็นผู้ที่สามารถให้บริการจัดส่งได้ทุกวันตามความต้องการของเรา เป็นต้น


Boxme Thailand Fulfillment Thailand

Boxme เป็นผู้ให้บริการคลังสินค้าและช่วยเหลือในขั้นตอน Logistics ทุกกระบวนการ ตั้งแต่การเก็บสต๊อกสินค้าสำหรับส่งให้ลูกค้าต่างประเทศ การแพ็ค ไปจนถึงการจัดส่ง รวมถึงบริการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะขยายขนาดของธุรกิจ E-commerce ไปขายยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้โดยประหยัดต้นทุนการจัดการสินค้าและระยะเวลาการจัดส่งที่น้อยกว่า เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถมอบความพึงพอใจต่อผู้รับปลายทางได้อย่างดีที่สุด


ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่

Don't forget to share this post!

Share on:

Facebook
LinkedIn
Twitter
Telegram

Share on:

Expand your Business to Southeast Asia​