เคล็ดลับขายของออนไลน์ให้สุดปัง! ทั้ง 6 แพลตฟอร์ม Social media

Share on:

ขายของออนไลน์

จำนวนประชากรไทยทุกวัยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนกว่า 80% ทำให้ทุกวันนี้แพลตฟอร์ม Social Media  กลายเป็น “เครื่องมือ” สำคัญของนักการตลาด สินค้าและแบรนด์ต่าง ๆ  ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนธุรกิจใหญ่ และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ในการขายสินค้า จึงจะต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงและอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา 

Facebook

Facebook เป็นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมและมีอิทธิพลที่สุดในขณะนี้  โดยมีผู้ที่ใช้งานต่อเดือนถึง 1.59 พันล้านผู้ใช้ และมีธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ถึงใหญ่จำนวนมากกว่า 1 ล้านธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการโปรโมทแบรนด์ จึงเป็นหนึ่งในโซเชียลที่น่าลงทุนสำหรับธุรกิจมากที่สุด

ข้อดีของเฟสบุ๊คคือมีความยืดหยุ่นในการทำการตลาดอย่างมาก นักการตลาดสามารถลงสื่ออะไรก็ได้ ทั้งบทความ ภาพ วีดีโอ หรือแม้แต่การไลฟ์สดก็ได้ ซึ่งความยืดยุ่นนี้ก็ทำให้นักสร้างคอนเทนต์มีอิสระทางความคิดมากขึ้น แถมยังสามารถเข้าถึงคนได้หลายล้านคน แต่อย่างไรก็ตามแพล็ตฟอร์มที่มีคนใช้เยอะก็เท่ากับว่ามีคู่แข่งเยอะขึ้นด้วย

ข้อเสียของเฟสบุ๊คคือ ผู้ใช้สมัยใหม่เริ่มหันไปใช้ Social Media แพล็ตฟอร์มอื่นกันมากขึ้นแล้ว ซึ่งก็แปลว่าการเข้าถึงตลาดบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีการอัพเดตแพลตฟอร์มใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาอาจจะลดน้อยลง

สินค้าที่เหมาะจะขายใน Facebook – สัดส่วนผู้ใช้งานหญิงมากกว่าผู้ชาย และช่วงอายุ 25 – 34 ปีมากที่สุด ดังนั้นสินค้าที่จะขายใน Facebook จึงน่าจะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มวัยทำงาน เช่น อุปกรณ์สำนักงาน สินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน เสื้อผ้าที่ใส่ได้ทั้งทำงานและชีวิตประจำวัน เป็นต้น

Twitter

แม้ว่าจะจำกัดจำนวนตัวอักษรในการโพสต์แต่ละครั้ง แต่จุดนี้กลายเป็นเสน่ห์ของ Twitter ที่ในปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 320 ล้านผู้ใช้งานต่อเดือน ซึ่งธุรกิจสามารถเลือกใช้ช่องทางนี้ในการตอบคำถาม หรือโปรโมทข่าวสารใหม่ ๆ ได้ 

ดังนั้นแพลตฟอร์มนี้จะต้องเลือกใช้คำให้ฉลาด กระชับ และสามารถบ่งบอกความเป็นธุรกิจของเรา และจุดเด่นของ Twitter อีกอย่างนั้นก็คือ #Hashtags ทวีตที่มีการใช้ Hashtags นั้นมีความนิยมมากว่า ทวีตที่ไม่ใช้ถึงสองเท่า การเพิ่ม Hashtags เข้าไปในทวีตของเราเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่จะทำให้ผู้ใช้อื่น ๆ รู้จักเรามากยิ่งขึ้น ส่วนการสร้าง Hashtags นั้นเพียงแค่ไม่ซ้ำกับคนอื่นก็พอเพื่อสร้างความพิเศษเฉพาะธุรกิจเราเท่านั้นที่ใช้ เพื่อที่ผู้ติดตามของคุณหรือกลุ่มเป้าหมายค้นหาคอนเทนต์ของแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

สินค้าที่เหมาะจะขายใน Twitter –ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ทั่วโลก คือ กลุ่มอายุ 25 – 49 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงาน เป็นผู้หญิงมากถึง 78% จำนวน 1,430,000 บัญชี สินค้าที่ควรขายใน Twitter จึงควรเป็นสินค้าที่ผู้หญิงให้ความสนใจ เช่น แฟชั่น เครื่องสำอางค์ กิ้ฟช้อป หรือเสื้อผ้าน่ารัก ๆ

YouTube

หากกล่าวถึง YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกก็คงไม่ผิดนัก หากนับจากยอดผู้เข้าใช้งานทั่วโลกจำนวน 2 พันล้านคนต่อเดือน มีคนดูวิดีโอบน YouTube ทุกวัน นับได้ถึงหนึ่งพันล้านชั่วโมงต่อวัน และมีการดูเป็นพันล้านครั้ง มีคำที่ค้นหามากที่สุด คือ “how to” ซึ่งเพิ่มขึ้น 70% ทุกปี หมายความว่าหากเราทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับ “how to” ได้อย่างน่าสนใจ ก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงผู้ใช้งาน YouTube ได้  โดยการตลาดที่นิยมคือการซื้อโฆษณาในยูทูป เพราะราคาจะถูกกว่าโฆษณาบนทีวี เพราะโฆษณายูทูปคิดค่าโฆษณาในรูปแบบ Pay Per Click (จ่ายเมื่อมีคนคลิก) และ Pay Per View (จ่ายเมื่อมีคนดู) เรียกได้ว่าจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีผู้ให้ความสนใจอย่างแท้จริงเท่านั้นนั่นเอง

Instagram

 เปิดตัวเมื่อวันที่ 6 เดือนตุลาคม 2010 มี active user มากกว่า 400 ล้านผู้ใช้ และปัจจุบันถูกซื้อโดย Facebook โดยมีผู้ใช้จำนวนมากนิยมใช้ในการโพสต์ข้อมูลการท่องเที่ยว แฟชั่น อาหาร ศิลปะ ฯลฯ สามารถใส่ฟิลเตอร์เพื่อทำการแต่งรูปหรือวิดีโอให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งเกือบ 95% ของผู้ใช้ Instagram ก็มีบัญชีบน Facebook เช่นกัน จุดขายของ Instagram คือรูปภาพ เพราะแอปพลิเคชันนี้เกิดมาเพื่อลง content ประเภทรูปภาพเป็นหลัก ฉะนั้นภาพที่จะใช้โพสต์นั้นต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี อาจจะเป็นภาพถ่ายธรรมดา หรือ เป็นภาพกราฟฟิค ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์แต่ภาพต้องสวย เห็นแล้วต้องสะดุดตา นอกจากรูปภาพแล้วยังต้องใส่ใจเรื่องของแคปชัน เมื่อรูปภาพของเราน่าสนใจแล้วผู้ใช้งานจะอยากอ่านคำอธิบายใต้ภาพต่อทันที เราจะต้องเขียนแคปชัน 2-3 บรรทัดแรก ให้น่าดึงดูดอ่านแล้วอยากอ่านต่อ อาจจะจั่วหัวเป็นคำถาม หรือโปรโมชันก็ได้ อันนี้แล้วแต่วัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ด้วย

Tiktok

TikTok คือแอปพลิเคชันสัญชาติจีน  แพลตฟอร์มนี้ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่นิยมทั่วโลกในปี ค.ศ. 2018 โดยเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก จุดเด่นคือ การสร้างและแชร์วิดีโอสั้น ๆ ภายใน 1 นาทีโดยในตัวแอปจะมีเอฟเฟคต่าง ๆ ทั้งภาพและเสียง ให้ผู้ใช้ได้สนุกไปกับการแต่งวิดีโอตามที่ต้องการ ดังนั้นผู้ใช้ TikTok ส่วนมากจึงเน้นเข้ามาเพื่อรับชมความบันเทิงมากกว่าสาระ แต่ก็มีวิดีโอของผู้ใช้บางกลุ่มที่ให้สาระเช่นเดียวกัน การตลาดในติ๊กต็อกให้ลองใช้ Feature บน TikTok ให้เกิดประโยชน์ เช่น Hashtag Challenge เพราะบน TikTok สามารถติด Hashtag ในวีดีโอของเราได้และการติดแฮชแท็กจะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งผู้ใช้สามารถดูได้ว่า Hashtag ไหนกำลังเป็นกระแส หรือ Creating & Reusing Sound เพราะนอกจาก Effect ชนิดต่าง ๆ ที่เป็น Original ของ TikTok เองแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถใช้เพลงของตัวเองใส่ลงไปให้ผู้อื่นมาใช้ได้ด้วย ซึ่งหากสามารถทำการตลาดแบบ Earworm ให้ Viral ได้ ก็จะมีคนมาใช้เสียงของคุณทำวิดีโอแล้วโพสต์ต่อไปเรื่อย ๆ

Line

LINE  เป็นระบบส่งข้อความทันที โดยชาวไทยนิยมใช้เป็นอันดับสองรองจากญี่ปุ่น สามารถแชท สร้างกลุ่ม ส่งข้อความ โพสต์รูปต่าง ๆ หรือจะโทรคุยกันแบบเสียงก็ได้ โดยไม่ต้องเสียเงิน  LINE มีลูกเล่นอื่น ๆ เช่น ส่งรูป ส่งไอคอน ส่งสติกเกอร์ ตั้งค่าคุยกันเป็นกลุ่ม วีดีโอคอลพร้อมเอฟเฟค ทำให้ LINE มีจุดเด่นที่เหนือกว่า นอกจากนี้ยังมีไลน์ยังมี LINE Official Account หรือ LineOA ที่เป็นเครื่องมือในการช่วยสื่อสารที่แยกมาจาก LINE ซึ่งตอนนี้คนไทยใช้ LINE กันมากกว่า 33 ล้านคน และ LineOA นั้นเหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องการสื่อสารกับคนจำนวนมากพร้อมกันในทีเดียว  สื่อสารในที่นี้คือ การแจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น แนะนำสินค้าและบริการใหม่ ๆ คอยตอบคำถามและทำหน้าที่เหมือนคอลเซ็นเตอร์ นอกจากจะสร้างความใกล้ชิดระหว่างระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคแล้ว ยังทำให้คุณสามารถให้บริการได้แบบมืออาชีพอีกด้วย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: www.it24hrs.com  , www.bizpromptinfo.com

ระบบจัดการออเดอร์ Omisell บริการใหม่จาก Boxme ที่ช่วยให้คุณจัดการออเดอร์จากทุกช่องทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมออเดอร์จากทุกช่องทางขายทั้งหมดให้อยู่ในหน้าเดียว จบปัญหายิ่งขาย-ปัญหายิ่งเยอะ!

สนใจระบบจัดการคำสั่งซื้อจากทุกแพลตฟอร์มในคลิกเดียว

ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่

Don't forget to share this post!

Share on:

Facebook
LinkedIn
Twitter
Telegram

Share on:

Expand your Business to Southeast Asia​