ปัจจุบันมีการตลาดมากมายให้ได้เลือกศึกษา อีกทั้งความรู้ในการทำธุรกิจมากมายบนโลกออนไลน์ที่มีอย่างไม่จำกัด แต่ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกกับ 4P Marketing ซึ่งเป็นพื้นฐานที่นักธุรกิจควรรู้ ว่าคืออะไรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจไปได้ถูกทางและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น (อ่านเพิ่มเติม > Niche Market คืออะไร ทำไมร้านค้าออนไลน์ควรขายสินค้าในตลาดนี้)
การตลาด 4P คืออะไร?
4P หรือ Marketing Mix ซึ่งภาษาไทยคือ “ส่วนผสมทางการตลาด” เป็นหนึ่งในทฤษฎีสำหรับวางแผนการตลาด นับว่าเป็นหนึ่งในวิธีการวิเคราะห์ลูกค้าที่ได้รับความนิยมระดับสากลไปทั่วโลก เพราะมีพื้นฐานที่เข้าใจง่าย ชัดเจน ซึ่งทุกท่านเข้าใจกันดีว่า หากไม่มีการตลาดก็จะไม่มีลูกค้าที่จะมาทำให้ธุรกิจเดินหน้าเติบโตต่อไปได้โดยแบ่งการมีองค์ประกอบเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. Product (สินค้าหรือผลิตภัณฑ์) 2. Price (ราคา) 3. Place (ช่องทางจัดจำหน่าย) 4. Promotion (กลยุทธ์ที่ส่งเสริมการขาย) เพื่อนำมาวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้อง เหมาะสม และดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด
องค์ประกอบการตลาด 4P Marketing มีอะไรบ้าง?
1. Product
สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของธุรกิจนั้นๆ ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักของธุรกิจนั้นเอง ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าที่ต้องการขาย สินค้าที่สนองความต้องการของผู้บริโภค โดยสินค้าที่ผลิตออกมาต้องมีคุณภาพ สามารถใช้งานตามมารฐาน เช่น ขนม อาหาร เสื้อผ้า รองเท้า แอปพลิเคชัน เป็นต้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ธุรกิจผลิตออกมาเพื่อขายให้ลูกค้า ล้วนแล้วแต่เป็น Product หรือผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น พร้อมกับสื่อสารกับลูกค้าให้ตรงจุด เช่น จุดเด่นของ
Product มีอะไรบ้าง ควรนำเสนอลูกค้าให้เข้าใจในจุดนี้ รวมถึงการวิเคราะห์ลักษณะของกลุ่มลูกค้าว่าชื่นชอบอะไร อยู่ไหนช่วงอายุเท่าไหร่ เพศไหน เพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาลูกค้าได้อย่างตรงจุด จะได้รู้ลักษณะปัญหาแล้วนำมาแก้ไข หรือถ้าดีอยู่แล้วจะได้รู้ว่าควรที่จะพัฒนาอะไรต่อเพื่อให้ธุรกิจเติบโตมากว่าเดิม
2. Price
เมื่อมีสินค้าพร้อมวางขายแล้ว สิ่งที่ต้องตามมานั่นก็คือการตั้งราคา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำการค้า ปัจจัยข้อนี้จะเป็นตัวกำหนดราคาของสินค้าและบริการว่าควรส่งออกสู่ตลาดในช่วงราคาที่เท่าไหร่ เนื่องจากลูกค้าแต่ละกลุ่มมีความสามารถและพฤติกรรมในการใช้เงินต่างกัน นอกจากนั้นแล้วสินค้าบางชนิดก็มีมูลค่ามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาและมุมมองของตลาดด้วย ซึ่งกลยุทธ์ด้านราคาที่ดีที่สุดคือกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรให้กับสินค้าได้มากที่สุดนั่นเอง
เช่น หากตั้งราคาสินค้าถูกเกินไป ถึงจะสามารถสร้างยอดขายได้ดี แต่กลับไม่สามารถสร้างผลกำไรที่ดีได้หรือ ถ้าตั้งราคาสูงเกินไปที่คิดว่าราคาเหมาะสมกับลูกค้าก็อาจทำให้ลูกค้าทั่วไปรู้สึกแพงเกินไปหรือไม่ ซึ่งต้องวิเคราะห์ข้อมูลอีกด้วยว่ากลุ่มผู้บริโภคหลักเป็นคนกลุ่มชื่นชอบของถูกหรือกลุ่มกระเป๋าหนัก เพราะการตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่งในตลาดมาเกินไป อาจะทำให้ลูกค้าไม่เชื่อในคุณภาพสินค้าของแบรนด์ และเทใจไปซื้อแบรนด์อื่นได้เช่นกัน
3. Place
คือช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งถ้าพูดถึงขายแบบมีหน้าร้านทั่วไปหลายๆ คนก็อาจนึกถึงตลาด ไม่ก็ห้างสรรพสินค้า และหากพ่อค้าแม่ขายต้องการมีร้านจริงๆ อาจต้องมีการเลือกสรรทำเลที่เหมาะสมด้วย เช่น บริเวณไหนมีกลุ่มลูกค้าของเราอยู่ แต่ถ้าเป็นร้านค้าออนไลน์ ช่องทางการจัดจำหน่ายก็คือเว็บไซต์ หรืออาจฝากขายผ่านหน้าร้านตัวแทนเพื่อกระจายช่องทางขายสินค้าให้กว้างขึ้น ซึ่งการฝากขายอาจจะทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้นกว่าวางขายผ่านหน้าร้านของตัวเอง
เพราะต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่เพิ่ม หรือขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่าง Facebook IG และ แพลตฟอร์มที่มาแรงที่สุดในตอนนี้ นั่นก็คือ Tiktok หรือจะเป็นแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะพึ่งพา Marketplace ขนาดใหญ่ที่รวบรวมสินค้าและบริการหลายๆ อย่างไว้ด้วยกัน เช่น Shopee หรือ Lazada เป็นต้น โดยการขายผ่านโลกออนไลน์จะสามารถทำให้ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่หน้าร้าน แถมยังช่วยลดต้นทุนได้ ผ่านบริษัทที่ให้บริการด้านขนส่งที่ได้มาตราฐาน ได้แก่ ไม่ว่าจะเป็นไปรษณีย์ไทย Flash หรือ Kerry เป็นต้น
4. Promotion
กลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้ปัจจัยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลยุทธ์ด้าน Digital Marketing หรือการว่าจ้าง Influencer หรือแม้แต่การคิดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ก็ล้วนเป็นเครื่องมือ ที่ช่วยให้การสื่อสารของแบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ช่วยส่งเสริมการขาย เช่น การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ผ่านการยิง Ads หรือ การยิงโฆษณาที่หลากหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Google, Facebook, Instagram, Tiktok และแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์ที่หลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติม > เพิ่มยอดขายง่าย ๆ ด้วย 4 จิตวิทยาการตลาด)
แน่นอนว่าการวางแผนล่วงหน้าย่อมดีกว่า การไม่วางแผนธุรกิจเลย 4P Marketing เป็นการวางกลยุทธ์ทางการตลาดที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ไม่ยาก เพราะองค์ประกอบหลักทั้ง 4 ส่วน สามารถเริ่มได้ภายใต้ธุรกิจของผู้ประกอบการเอง เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำธุรกิจและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีแบบแผนอย่างชาญฉลาดจนแซงหน้าคู่แข่ง
และหวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการใช้การตลาด 4P ในการดำเนินธุรกิจไม่มากก็น้อย นอกจากการตลาด 4P นี้ ก็ยังมีเทคนิคและวิธีการมากมายที่ทำให้สามารถขายของออนไลน์ได้ดี โดยสามารถติดตามได้ที่บทความต่อไปของ Boxme ได้เลย
สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนที่กำลังมองหาตัวช่วยจัดการ ธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์ของท่าน คลังสินค้า Boxme Thailand ให้บริการทั้งการจัดเก็บสินค้า พร้อมแพ็คและจัดส่ง ให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณง่ายในการจัดการมากขึ้น และกรณีที่ท่านจัดการเองไม่ไหว ไม่มีเวลามากพอในการทำ และต้องการระบบในการช่วยจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งทางเรามีระบบที่ช่วยบริหารร้านค้าออนไลน์ รวมทั้งระบบจัดการช่องทางการขายช่วยซัพพอร์ต สามารถปรึกษาทางเราได้จากช่องทางการติดต่อข้างล่างได้เลยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก > Lineshoppingseller
สนใจระบบเชื่อมต่อคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางในหน้าเดียว
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่
