ในยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต แน่นอนว่าเจ้าของแบรนด์ก็อยากที่จะใช้จุดนี้ในการเพิ่มยอดขาย หาลูกค้า รวมถึงโปรโมทผลิตภัณฑ์และบริการของแบรนด์ตัวเองผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Tiktok หรือจะเป็นแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ตามสำหรับนักการตลาดมือใหม่ หรือผู้คิดเริ่มต้นทำธุรกิจ ที่ยังไม่รู้ว่าจะหา Insight ผู้บริโภคได้อย่างไร บอกเลยว่ายุคนี้สามารถหา Insight ได้จากหลายแหล่งมาก โดยบทความนี้จะพาไปดูกันว่ามีช่องทางไหนที่สามารถหา Insight ของผู้บริโภคได้บ้าง (อ่านเพิ่มเติม > 4 ทริคการตั้งราคาขาย ไม่ต้องถูกก็ขายได้ และขายดีกว่าเดิม!)
Customer Insight คืออะไร

ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วในระดับหนึ่ง วิเคราะห์และตีความมาจากข้อมูลหลายๆ ส่วน ในรูปแบบความต้องการ พฤติกรรม ความชอบ โดยรวมถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าและค้นหาสินค้าในอดีตด้วย ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ จากแคมเปญการตลาดต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกในรูปแบบที่ต้องการจนเข้าใจลูกค้าจริงๆ แม้ลูกค้าไม่ได้บอก โดยอาจจำแนกประเภทได้เช่น
- ข้อมูลทั่วไป เช่น เพศ, อายุ, เมืองที่อาศัย
- ข้อมูลเชิงพฤติกรรม เช่น ความต้องการ หรือความไม่ต้องการ, สิ่งที่เป็นปัญหาของพวกเขา ไปจนถึงประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีในการซื้อสินค้าและบริการ
- ข้อมูลการขาย เช่น ความถี่ในการซื้อ, จำนวนในการซื้อของลูกค้า, ฟีคแบคของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการของคุณ
วิธีการหา Customer Insight
1. Research ข้อมูลลูกค้า ค้นหาอะไรบ้างบนโลกออนไลน์
เพราะโลกออนไลน์เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลข่าวสารมากมาย ทั้งยังมีข้อมูลการใช้งานและการซื้อสินค้าของผู้บริโภค จำนวนตัวเลขการซื้อสินค้าในแต่ละแบรนด์โดยที่สามารถค้นหาได้จากหลากหลายช่องทาง ซึ่งสิ่งนี้เองสามารถใช้สืบค้นในรูปแบบของสถิติ โดยมีเครื่องมือในการช่วยให้คุณค้นหาก็อย่างเช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, Google Analytics และ SEMrush เป็นต้น
2. ใช้ข้อมูล Insight บน Social Media

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter, Tiktok, Instagram หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็จะมีข้อมูลและสถิติต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการเก็บข้อมูลเชิงลึก (Insight) ของผู้ที่เข้ามาติดตามเป็น Followers ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากที่คุณได้เป็นคนออกแบบขึ้นมา ผู้คนกำลังพูดถึงเรื่องอะไร สนใจสิ่งไหน ชอบหรือไม่ชอบอะไรมีคนกดไลค์กดแชร์มากน้อยแค่ไหน มีคนติดต่อสอบถามเข้ามามากแค่ไหน รูปแบบคอนเทนต์ไหนที่มีผลกับผู้ชมมากที่สุด แล้วนำไปวิเคราะห์ เพื่อปรับกลยุทธ์ในด้านการตลาดของเราให้สอดล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
3. สร้างแบบฟอร์มเพื่อเก็บ Feedback ลูกค้า
แบบฟอร์มเป็นอีกสิ่งที่สามารถเก็บข้อมูลได้ดี คุณสามารถสร้างแบบฟอร์มออนไลน์ง่ายๆ ขึ้นมาเพื่อเก็บ Feedback จากลูกค้าได้ เพื่อทำการรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการ ให้สามารถตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคได้ โดยอาจทำการเก็บ feedback ในทุกครั้งๆ ที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อ
4. ลองใช้ Google Trends ในการหา Insight มากยิ่งขึ้น
เครื่องมือ Google Trend เป็นเครื่องมือฟรีที่ถูกพัฒนาโดย Google ถือเป็นแหล่งข้อมูลและเป็นเครื่องมือที่สามารถใช้ได้ฟรีๆ ซึ่งจะรวบรวมการค้นหาของผู้ใช้งานทั่วโลกว่าค้นหาเกี่ยวกับอะไร คำไหน คีย์เวิร์ดอะไรมากที่สุด และรวบรวมให้เรามาค้นหากัน ซึ่งมันมีประโยชน์มากในการหา Insight ต่างๆ
โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถย้อนดูได้มากถึง 10 ปี ปัจจุบันประเทศไทยและทั่วโลกเริ่มหันมาใช้ Google Trend มากขึ้น คุณจะเห็นได้ว่าหัวข้ออะไรกำลังเป็นที่สนใจซึ่งเรียกได้ว่าจากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถช่วยให้คุณได้ Insight ที่ใช้กับธุรกิของคุณ รวมถึงอาจช่วยให้คุณเห็นโอกาสในการบุกตลาดใหม่ๆ (อ่านเพิ่มเติม > 5 เว็บขายของออนไลน์ ส่งไปต่างประเทศขยายธุรกิจ E-Commerce)
ประโยชน์ของ Google Trends
- ใช้ในการวางแผนทำคอนเทนต์โดยสามารถใช้คีย์เวิร์ด SEO หรือ SEM ได้ดีมากยิ่งขึ้น
- ดูแนวโน้มภาพรวมของตลาดที่เรากำลังดำเนินอยู่ได้ดีขึ้น
- ตรวจสอบความสนใจหรือเทรนด์ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจหรือสินค้าของตนเองได้
- สามารถตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายจากคีย์เวิร์ดได้ว่าอยู่ในพื้นที่ไหนมากที่สุด
- ช่วยในการวางแผนหาสินค้าหรือบริการมาจำหน่ายโดยดูจากกราฟแนวโน้ม
หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากการบทความนี้ในการดำเนินธุรกิจไม่มากก็น้อย นอกจากความรู้เรื่อง Customer Insight นี้แล้วก็ยังมีเทคนิคอีกมากมายที่น่าทำในยุคปัจจุบันซึ่งทาง Boxme ก็ยังมีเทคนิคและเคล็ดลับดีๆ อีกมากมายที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถขายของออนไลน์ได้ดี โดยสามารถติดตามได้ที่บทความต่อไปของ Boxme ได้เลย
สำหรับเจ้าของธุรกิจท่านไหนที่กำลังมองหาตัวช่วยจัดการ ธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์ของท่าน คลังสินค้า Boxme Thailand ให้บริการทั้งการจัดเก็บสินค้า พร้อมแพ็คและจัดส่ง ให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณง่ายในการจัดการมากขึ้น และกรณีที่ท่านจัดการเองไม่ไหว ไม่มีเวลามากพอในการทำ และต้องการระบบในการช่วยจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งทางเรามีระบบที่ช่วยบริหารร้านค้าออนไลน์ รวมทั้งระบบจัดการช่องทางการขายช่วยซัพพอร์ต สามารถปรึกษาทางเราได้จากช่องทางการติดต่อข้างล่างได้เลยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก > Popticles
สนใจระบบเชื่อมต่อคำสั่งซื้อจากทุกช่องทางในหน้าเดียว
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่