หากธุรกิจของคุณ ใช้เวลาไปกับการแพ็ค และจัดส่งสินค้า จนมีเวลาไม่พอในการทำการตลาด หรือขยายธุรกิจ การมีพาร์ทเนอร์ ที่เปรียบเสมือนตัวช่วยธุรกิจออนไลน์ของคุณ จะช่วยให้คุณมีเวลามุ่งเน้นไปด้านการพัฒนาและขยายธุรกิจได้มากขึ้น สามารถเรียงลำดับความสำคัญ และขั้นตอนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเกินจำเป็น ด้วย 7 พาร์ทเนอร์ที่จะนำมาฝากในวันนี้จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย.. 

1. พาร์ทเนอร์ด้านการพัฒนาเว็บ

เมื่อการขายของออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างสูง การเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าจึงเป็นส่วนที่ร้านค้าคำนึงถึง การมีเว็บไซต์ของร้านค้าเป็นของตัวเองจึงเป็นหนึ่งทางที่ทำให้ร้านค้าดูมีความเป็นมืออาชีพ มีการขายของส่งของจริง ผู้ให้บริการด้านการพัฒนาเว็บจึงได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะการทำเว็บไซต์ในรูปแบบ E-commerce ที่สามารถทำการขายและซื้อสินค้า รวมถึงชำระเงินได้ผ่านแพลตฟอร์มเดียว

ทั้งนี้ การสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบนี้จำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นระยะเวลานาน การเลือกร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ให้ช่วยดูแลด้านการพัฒนาเว็บเลยจะประหยัดเวลาและต้นทุนและมีประสิทธิภาพมากกว่า

2. ตามให้ทันเทคโนโลยี

หลังจากที่เว็บไซต์ของคุณใช้งานได้ แพลตฟอร์มอาจจะมีการอัปเดตเวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ และอาจจะเปลี่ยนแปลงการใช้งานเล็กน้อย ดังนั้นเจ้าของแพลตฟอร์มจะต้องตามการเปลี่ยนแปลงให้ทันเทคโนโลยีที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดเวลา โดยถ้าหากมี Outsource ทึ่ช่วยจัดการด้านเทคโนโลยี จะช่วยแบ่งเบาการจัดการเรื่องนี้ได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจมักจะมีฝ่ายนี้อยู่ด้วยเพื่อช่วยซัพพอร์ตระบบของร้านค้า

3. ผู้ช่วยดูแลด้าน Social Media

ร้านค้า E-Commerce บางแห่งอาจต้องการพิจารณาจ้างพนักงานช่วยดูแลช่องทาง Social Media ในการช่วยคุมโพสต์ และเนื้อหาคอนเท้นท์ในแต่ละทุกช่องทาง ทั้ง Facebook, Instagram และแพลตฟอร์มการขายอื่น ๆ การทำงานกับผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยให้ร้านค้าจัดการช่องทาง Social Media และวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

4. พาร์ทเนอร์ด้าน Content Marketing

การขายสินค้าบนตลาดออนไลน์ต้องใช้ผู้ช่วยในการดำเนินการโปรโมทเพื่อการขาย หากคุณไม่มีเวลาทำการตลาดก็อาจทำให้ธุรกิจของคุณไม่ได้รับความสนใจมากพอเช่นกัน  บางธุรกิจอาจมองหาเอเจนซี่ทางการตลาดที่จะช่วย พัฒนากลยุทธ์โฆษณาในด้าน SEO ทำโฆษณาออนไลน์ เพื่อช่วยให้ร้านค้าของคุณถูกมองเห็นจากกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

5. ฝ่ายแอดมิน และ Customer Support

ธุรกิจออนไลน์สามารถมีผู้ซื้อได้จากทุกที่ หมายความว่าลูกค้าของคุณอาจต้องการความช่วยเหลือทุกชั่วโมง หากคุณต้องการตอบลูกค้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องการมีเวลาส่วนตัวและพักผ่อนให้เพียงพอ คุณอาจต้องพิจารณาจ้างแอดมิน หรือฝ่ายซัพพอร์ตลูกค้าเพื่อพร้อมรับมือกับปัญหาและการบริการลูกค้าที่มีมาตลอดเวลา (อ่านเพิ่มเติม > เปิด 5 บริการ Fulfillment ที่เป็นได้มากกว่าคลังสินค้า)

6. แผนกจัดการบัญชีสำคัญมาก!

การทำบัญชี ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ต้องมีการทำบัญชี ถ้าหากธุรกิจของคุณไม่มีการทำบัญชีอาจเสี่ยงต่อการขาดทุน เพราะไม่มีการบันทึกต้นทุน-กำไรให้เห็นชัดเจน หากคุณไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำบัญชี การจ้างพาร์ทเนอร์ด้านบัญชีเข้ามาช่วยดูแล มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการจ้างพนักงาน Full Time เพื่อให้กิจการของคุณดำเนินต่อไปอย่างเป็นระบบ รู้รายรับ รายจ่ายที่แน่นอน รวมถึงสามารถนำไปคาดการณ์ทิศทางการลงทุน หรือทำการตลาดในอนาคตได้ด้วย

7. พาร์ทเนอร์ด้าน Fulfillment

ประสบการณ์ฝึกงาน

ลักษณะของบริการแพ็คของ สต๊อกสินค้าให้ และส่งของให้ ที่หลายคนรู้จักในชื่อ Fulfillment หรือคลังสินค้าครบวงจร คือ บริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง ที่ช่วยเหลือธุรกิจออนไลน์หรือธุรกิจ E-Commerce ซึ่งให้บริการในเรื่องของการสต๊อกสินค้า การแพ็คสินค้า ไปจนถึงการจัดส่ง ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขายที่ไม่สะดวกในการสต๊อกสินค้าหรือไม่มีเวลามากพอในการแพ็คสินค้า ยิ่งออเดอร์การสั่งซื้อเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องแพ็คสินค้าหรือจัดหาทีมงานเข้ามาช่วยแพ็คสินค้ามากขึ้น

บริษัทที่ให้บริการรับแพ็คสินค้า รับแพ็คของ เป็นธุรกิจที่เปิดให้บริการสำหรับผู้ค้าเพื่อช่วยในการลดเวลาและต้นทุนความยุ่งยากในการแพ็คสินค้านั้นๆ  เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์หันมาใช้บริษัทแพ็คสินค้ากันมากขึ้น ถ้าหากกำลังมองหาตัวช่วย ธุรกิจ E-commerce หรือร้านค้าออนไลน์ คลังสินค้า Boxme Thailand ให้บริการในด้านจัดเก็บสินค้า พร้อมแพ็คจัดส่ง ให้ธุรกิจออนไลน์ง่ายในการจัดการมากขึ้น

ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *