หากใครกำลังมองหาแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการขายทางช่องทางปกติ อย่างเฟสบุ้คแฟนเพจ, Shopee, Lazada หรือเปิดเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าเป็นของตัวเอง พบ 7 เรื่องต้องรู้ ก่อนเปิดเว็บไซต์ E-commerce มาฝากกันว่าก่อนจะเริ่มต้นนั้น ต้องรู้อะไรบ้างไปดูกันเลย…
1. เว็บไซต์ขายของออนไลน์ ต้องง่ายต่อผู้ซื้อ (User-Friendly)
76% ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ E-Commerce ต้องการเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย หาข้อมูลง่าย เลือกซื้อสินค้าก็ง่าย แถมยังจ่ายเงินง่าย ยิ่งดี เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการออกแบบเว็บไซต์ก็คือ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน หากเว็บไซต์ของเรามีความซับซ้อนมากเกินไป ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์ไปได้ อาจวางโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ จัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจน เพื่อให้ได้เว็บไซต์ขายของออนไลน์ ที่ใช้งานง่ายที่สุดนั่นเอง
ที่มา: www.makewebeasy.com
2.โปรโมชั่นเปิดตัวแบบ ว้าว ๆ !
การจัดแคมเปญโปรโมชั่น หรือกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ หากร้านค้าของคุณจัดโปรโมชั่น ลด, แลก, แจก, แถม หรือกิจกรรมส่งฟรี โปรโมชั่นเหล่านี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความสนใจมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงเปิดตัว ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะได้นำข้อมูลการซื้อในช่วงนี้ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนการขายในช่วงเวลาปกติ
3.ระบบสั่งซื้อ/ตะกร้าสินค้า
ฟีเจอร์หรือลูกเล่นที่เว็บไซต์ขายของออนไลน์จะขาดไปไม่ได้คือ ระบบตะกร้าสินค้า หรือระบบสั่งซื้อ ที่เป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณสามารถซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ระบบตะกร้าสินค้าที่ดีจะต้องสามารถคำนวนราคาสินค้าได้อย่างแม่นยำ แจกแจงรายละเอียดสินค้าและราคาถูกต้อง ส่วนลด ค่าขนส่ง และพาลูกค้าของเราไปจบที่หน้าชำระเงินได้ ครบ จบ ในที่เดียว
4.มีสื่อ Social Media
หากต้องการทำตลาดเพื่อเปิดตัวเว็บไซต์ E-Commerce จำเป็นอย่างยิ่งที่ยุคนี้จะต้องมีสื่อ Social Media เพราะผู้คนสามารถเลือกซื้อ และแนะนำผลิตภัณฑ์กับเพื่อน และครอบครัวของพวกเขาได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากมีการแชร์หรือบอกต่อทาง Social Media จะช่วยเพิ่มยอดขายของคุณ และทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเป็นที่นิยมมากขึ้น ลองใช้ชื่อโปรไฟล์เดียวกันในทุกแพลตฟอร์มเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ และเพิ่มการจดจำ ลองปรับแต่งรูปโปรไฟล์และรูปภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมด เพื่อลูกค้าสามารถดูได้ง่ายขึ้น
5.Social Proof
Social Proof หรือการใช้บุคคลมาบอกต่อกับลูกค้า ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยโน้มน้าวลูกค้าให้กล้าตัดสินใจซื้อ (อ่านเพิ่มเติม > 7 กลยุทธ์เด็ดมัดใจขาประจำ! ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำทำยังไง?) อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการรีวิวสินค้า มีนักช้อปออนไลน์กว่า 95% ที่อ่านรีวิวสินค้า และมี 57% เลือกซื้อสินค้า หรือบริการที่มีรีวิว 4 ดาวขึ้นไป โดยการใช้บุคคลมาบอกต่อกับลูกค้าที่ถูกนำมาใช้กับการตลาดนั้นจะมีอยู่ 5 ประเภทก็คือ
- การให้ผู้เชี่ยวชาญมายืนยัน
- การใช้ผู้ที่มีชื่อเสียง มาบอกเล่าสินค้า
- การให้ผู้ใช้งานจริงมาบอกต่อ
- การบอกปากต่อปาก จากคนใกล้เคียง
- การใช้สิ่งที่คนกำลังให้ความสนใจนำเสนอ
(อ่านเพิ่มเติม > เพิ่มยอดขาย มัดใจลูกค้า ด้วยบริการ Tracking SMS Service)
6.ช่องทางการรับชำระเงิน
7.การจัดส่งสินค้า
● 66% ของผู้บริโภคจะซื้อสินค้าจากผู้ขายที่มีตัวเลือกขนส่งที่หลากหลาย
● 49% ของผู้บริโภคจ่ายมากขึ้นเพื่อแลกกับการจัดส่งที่รวดเร็ว
● 96% ของผู้บริโภคจะซื้อสินค้าซ้ำจากแพลตฟอร์มนั้น ๆ จากประสบการณ์การซื้อก่อนหน้านั้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดส่งสินค้า และใช้บริการด้านโลจิสติกส์หรือการจัดส่งที่เชื่อถือได้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นอกจากนี้เรายังสามารถเสนอการจัดส่งฟรีสำหรับสินค้าบางอย่าง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้นด้วย
Shipjung ระบบที่เชื่อมต่อกับหลากหลายขนส่งในประเทศและต่างประเทศอย่าง แฟลช เคอร์รี่ J&T DHL และขนส่งชั้นนำอีกมากมาย ด้วยดีลราคาพิเศษ พร้อมด้วยบริการเชื่อม API ให้ฟรี ให้สามารถซิงค์คำสั่งซื้อจากช่องทางขายหรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ของตัวเองได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบาย ไม่ต้องดีลหลายขนส่งให้ยุ่งยาก เชื่อมต่อที่เดียวก็มีตัวเลือกขนส่งให้เลือกหลากหลาย ครบจบในที่เดียว ไม่มีค่าใช้จ่ายระบบ ลูกค้าจ่ายเพียงค่าขนส่งตามจริง
ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > เปรียบเทียบราคาขนส่ง < กดที่นี่
> อ่านเพิ่มเติม: เทคนิคขายของออนไลน์ ยอดขายวันละล้าน!?
> อ่านเพิ่มเติม: การสร้าง Brand Story นั้นสำคัญอย่างไร?
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ขายของออนไลน์จะขาดไปไม่ได้ การให้ความสะดวกกับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ของคุณต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก รับได้ทั้งบัตรเดบิต บัตรเครดิต และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ ซึ่งลูกค้าที่ซื้อสินค้าออนไลน์กว่า 48% เลือกชำระสินค้าด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต (อ่านเพิ่มเติม > ระบบ Payment Gateway สำคัญอย่างไรกับธุรกิจออนไลน์?)