3 วิธีลัด เพิ่มประสิทธิภาพการขาย ไม่ต้องแตะสต็อก!

Share on:

เพิ่มประสิทธิภาพการขาย E-commerce

กระบวนการการจัดการคำสั่งซื้อ เป็นขั้นตอนที่สำคัญขั้นตอนหนึ่งในการทำธุรกิจ E-commerce ให้ประสบความสำเร็จ เพราะการจัดการคำสั่งซื้อทั้งก่อนและหลังการสั่งซื้อถือได้ว่าเป็นขั้นตอนที่จะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้มากที่สุด บางร้านค้าอาจปล่อยให้ลูกค้าเป็นเพียงลูกค้าขาจร คือหลังจากการขายไม่มีการบริการหรือแนะนำลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้ารวมถึงโอกาสการขายในอนาคต ดังนั้น การกำหนดกลยุทธ์ตลอดกระบวนการคำสั่งซื้อทั้งก่อนและหลังจึงมีความจำเป็นต่อธุรกิจ E-commerce เช่นเดียวกัน

มากไปกว่านี้ ความคาดหวังของลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปได้ภายในไม่กี่นาที ในด้านของธุรกิจ E-commerce การที่ร้านค้าสามารถจัดส่งได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ นอกจากคุณภาพของสินค้าและราคาแล้ว ในปัจจุบัน ร้านค้าต่าง ๆ ก็แข่งขันในด้านความเร็วการจัดส่งเช่นกัน

(Source: eliteops)

รูปแบบการขายที่น่าสนใจ

สำหรับธุรกิจ E-commerce มีวิธีการจัดการคำสั่งซื้อที่ได้รับความนิยม ดังนี้

Direct Fulfillment

Direct Fulfillment คือการจัดการขั้นตอนทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่วิธีการนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพื่อควบคุมทุกอย่างให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ เพราะการดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเองจะทำให้เบียดเบียนเวลาในขั้นตอนสำคัญอื่น ๆ และไม่สามารถให้ความสนใจต่อการบริหารกิจการได้ดีเท่าที่ควร

(Source: BigCommerce)

Third-Party Fulfillment

Third-Party Fulfillment คือการดำเนินการโดยให้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third-Party Logistics; 3PL) ซึ่งรับผิดชอบขั้นตอนทุกอย่างให้ตั้งแต่การจัดเก็บสินค้าคงคลัง ไปจนถึงการบรรจุ การติดฉลาก และจัดส่งพัสดุถึงมือผู้รับปลายทาง ข้อได้เปรียบของวิธีการนี้คือทำให้ผู้ประกอบการมีเวลามากขึ้น สามารถให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจ การดูแลลูกค้า และการกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนที่ใช้แรงงานและเวลานานเกินจำเป็น

(Source: BigCommerce)

Dropshipping

การขายแบบ Dropshipping เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่ช่วยลดปัญหาการจัดการสินค้าคงคลัง การบรรจุ และการจัดส่งที่วุ่นวาย เพราะรูปแบบการขายนี้ จะเป็นการจัดส่งจาก supplier โดยตรง ผู้ขายไม่จำเป็นต้องจัดการสินค้าด้วยตัวเอง วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มขายขนาดเล็ก เพราะไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงด้านต้นทุนสินค้าและค่าจัดเก็บ เพียงแค่ขายสินค้าและเมื่อมีการสั่งซื้อก็สามารถแจ้ง supplier ให้จัดส่งไปยังที่อยู่ผู้รับได้เลยโดยไม่ต้องผ่านมือผู้ขาย

(Source: BigCommerce)

ปัจจัยในการพิจารณา

1. ขนาดของธุรกิจ

ธุรกิจ E-commerce ของคุณมีขนาดใหญ่เพียงใด ร้านค้าที่คุณดูแลอยู่มีการดำเนินงานอย่างไร คุณควรพิจารณาขนาดของธุรกิจของคุณเพื่อเลือกรูปแบบดำเนินงานให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ ที่ทำงานจากที่บ้านของคุณ หรือเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานหรือเครือข่ายคลังสินค้าเป็นของตัวเองหรือไม่? หากร้านค้ามีขนาดเล็กควรมีการจัดการการจัดส่งที่เหมาะสม หรือตัดสินใจร่วมมือกับ 3PL

2. ระบบการจัดการคำสั่งซื้อ

หากร้านค้ามีคำสั่งซื้อต่อวันจำนวนมาก อาจจำเป็นต้องมีระบบ ERP ที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก สามารถลงทุนด้าน ERP แบบเต็มระบบ หรือเพียงแค่สมัครใช้งานระบบบนคลาวน์ง่าย ๆ หรือใช้บริการ 3PL เพื่อทำงานให้คุณ ในทางตรงกันข้าม หากร้านค้ามีคำสั่งซื้อน้อยมากก็สามารถจัดการในรูปแบบ Direct Fulfillment ได้

3. บรรจุภัณฑ์และการจัดส่งสินค้า

การจัดการสินค้าคงคลัง การบรรจุสินค้า และการจัดส่ง ต้องการความใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก หากธุรกิจของคุณเป็นสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเฉพาะที่อาจมีการร้องขอให้ปรับปรุงสินค้าโดยเฉพาะต่อชิ้น รูปแบบการขายแบบ Dropshipping หรือ 3PL อาจไม่เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ แต่หากเป็นสินค้าที่ไม่มีความหลากหลายทางการผลิตและคำขอเฉพาะในแต่ละออเดอร์ รูปแบบการขายและการจัดการออเดอร์แบบ 3PL ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

4. คลังสินค้า

การทำคลังสินค้าจำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่ รวมถึงมีพนักงานที่จะสามารถบริหารสินค้าคงคลังได้ ในลักษณะแบบนี้ บริการจาก 3PL จะสามารถสนับสนุนคุณได้ในราคาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ในธุรกิจที่ต้องมีการเก็บสินค้าจำนวนมากแบบนี้ การเลือกการขายแบบ Dropshipping อาจเป็นวิธีการที่คุ้มค่าที่สุด เพราะไม่ต้องเสียต้นทุนในการจัดการคนและต้นทุนการเก็บรักษาสินค้า

5. การจัดการสินค้าคงคลัง

หากร้านค้าไม่ต้องการมีคลังสินค้าเป็นของตัวเองหรือเช่าพื้นที่ การขายและการจัดการสินค้าคงคลังแบบ Dropshipping เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างมาก หรือหากธุรกิจของคุณมีปริมาณคำสั่งซื้อที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด การจัดการแบบ Dropshipping หรือ 3PL ก็เป็นตัวเลือกที่ดี นอกจากนี้ร้านค้ายังสามารถได้รับประโยชน์จากการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพเพื่อรักษาคุณภาพสินค้าและผลกำไรของร้านค้าด้วย

(Source: HawkGraphics)

นอกจากนี้แล้ว ในปัจจุบันยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกใช้กลยุทธ์การขาย ร้านค้าควรประเมินความต้องการของธุรกิจและข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการจัดการแต่ละรูปแบบเพื่อปรับให้เข้ากับประเภทของธุรกิจมากที่สุด

ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 02-026-3165 หรือ > ขอรับใบเสนอราคา < กดที่นี่

Don't forget to share this post!

Share on:

Facebook
LinkedIn
Twitter
Telegram

Share on:

Expand your Business to Southeast Asia​